วันพุธที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

การใช้ Tense

การใช้  Tense
                1.   Simple  Present  (ปัจจุบันกาลใช้กับเรื่องที่เป็นความจริงเสมอ หรือเป็นการกระทำที่ทำอยู่เป็นประจำ (กิจวัตร)
                ตัวอย่าง                  The  sun  rises in the east and sets in the west.
                                                พระอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันออก และตกทางทิศตะวันตก……….(ความจริง)
                                                A good man always has peace of mind.
                                                คนดีย่อมมีจิตใจสงบอยู่เสมอ ……….(ความจริง)
                                                I drink one cup of coffee after breakfast every morning.
                                                ผมดื่มกาแฟ 1 ถ้วย หลังอาหารเช้าทุก ๆ เช้า ………..(กิจวัตร)
                2.  Present  Continuous  Tense  (ปัจจุบันกำลังกระทำอยู่กาล) Tense นี้ใช้เกี่ยวกับการกระทำซึ่งกำลังกระทำอยู่ในขณะที่พูด และยังไม่เสร็จสิ้น
                ตัวอย่าง                 
This diligent boy is doing his homework.
                                                เด็กขยันคนนี้กำลังทำการบ้านของเขา
I am reading this book now.
ผมกำลังอ่านหนังสือเล่มนี้อยู่เดี๋ยวนี้
                3.  Past  Simple  (อดีตกาล) ใช้เกี่ยวกับการกระทำที่ได้ผ่านพ้นไปเรียบร้อยแล้ว โดยแสดงเวลาที่แน่นอน
                ตัวอย่าง                 
It rained half an hour ago.
                                                ฝนได้ตกเมื่อครึ่งชั่วโมงก่อน
                                         I met my friend by chance yesterday.
                                        ฉันได้พบเพื่อนของฉันโดยบังเอิญเมื่อวานนี้
              การกระทำที่ได้กระทำอยู่เป็นประจำในอดีตก็ใช้
Tense นี้ด้วย หรือจะใช้วลี used to ก็ได้
              ตัวอย่าง                              
I went to the cinema once a week, when I was in London used to go
                                         ผมมักจะไปดูภาพยนตร์สัปดาห์ละครั้ง เมื่อผมได้อยู่ลอนดอน
                4.  Past Continuous Tense (อดีตกำลังกระทำอยู่กาล) เป็นการกระทำที่กำลังกระทำอยู่ ในอดีต การใช้ Tense นี้มักจะมี Past Simple รวมอยู่ด้วยเสมอจึงจะได้ใจความที่สมบูรณ์
             ตัวอย่าง                               
He came in, while I was watching TV.
                                                        เขาได้เข้ามาข้างใน ขณะที่ฉันได้กำลังดู ทีวี อยู่
                5.  Future  Tense (อนาคตกาล) ใช้กับเหตุการณ์ในอนาคตโดยเฉพาะ ถ้าประธานของประโยคเป็นบุรุษที่ 1 ทั้งเอกพจน์และพหูพจน์ (I, We) คำว่า จะ ต้องใช้ shall ถ้าประธานเป็นบุรุษที่ 2 และที่ 3 ทั้งเอกพจน์และพหูพจน์ you, he, she, it, they  คำว่า จะใช้ Will ตามด้วยกริยา Present Tense ทุกครั้ง
              ตัวอย่าง                              
He will come here by bus.
                                                        เขาจะมาที่นี่โดยรถประจำทาง
                                         I shall go to school as usual tomorrow.
                                        ฉันจะไปโรงเรียนเช่นเคยพรุ่งนี้
                6.  Present  Perfect  Tense (ปัจจุบันสมบูรณ์กาล) ใช้เป็นการพูดลอย ๆ โดยไม่แสดงเวลา แสดงเวลาตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน หรือใช้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนปัจจุบัน
                ตัวอย่าง                 
I have finished this work
                                                ฉันได้ทำงานนี้เสร็จแล้ว……….(ไม่แสดงเวลา)
                                         They have been there for ten minutes.
                                                พวกเขาได้อยู่ที่นั่นเป็นเวลา 10 นาทีมาแล้ว ….(แสดงเวลาตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน)
                                                I tear this letter now, because I have read it.
                                                ฉันฉีกจดหมายฉบับนี้เดี๋ยวนี่ เพราะว่าฉันได้อ่านมันแล้ว …….(แสดงการกระทำก่อนปัจจุบัน)
                                7.  Past perfect Tense (อดีตสมบูรณ์กาล)    Tense นี้ใช้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนอดีต โดยเฉพาะ ถ้ามี Past Perfect Tense อยู่ที่ไหน จะต้องมี Past Tense รวมอยู่ด้วยทุกครั้ง
              ตัวอย่าง                              
He did not speak with me other we had quarreled.
                                           เขาไม่ได้พูดกับฉัน หลังจากที่เราได้ทะเลาะกันแล้ว
I went to the cinema with my friend, after I had finished this work.
ฉันได้ไปดูภาพยนตร์กับเพื่อนของฉัน หลังจากฉันได้ทำงานนี้เสร็จแล้ว
(ค่าที่พิมพ์ตัวหนาเป็น Past Perfect Tense)
Present
Past
Past  Participle
Is    เป็น   อยู่
Was    ได้เป็น    ได้อยู่
Been    ได้เป็นแล้ว    ได้อยู่แล้ว
Present
Past
Past  Participle
has,   have   =  มี
had    =    ได้มี
had    =    ได้มีแล้ว

1.  He is my good friend now.   (ปัจจุบันโดยเฉพาะ  Present  Tense)
      เขาเป็นเพื่อนที่ดีของผม  เดี๋ยวนี้
2.  He was my good friend five years ago. (อดีตโดยเฉพาะ Past Tense)
      เขาได้เป็นเพื่อนที่ดีของผมเมื่อ 5 ปีก่อน
3.  He has been my good friend for five years.  (ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน Present Perfect Tense)
     เขาได้เป็นเพื่อนที่ดีของผมเป็นเวลา 5 ปีมาแล้ว
Tense  นี้ต้องใช้กิริยาช่องที่ 3 และต้องมี has หรือ have เป็นกิริยานุเคราะห์เสมอ ขาดไม่ได้
1.  Sanit has fever now.
     สนิทเป็นไข้เดี๋ยวนี้
2.  Sanong had fever five days ago.
     สนองได้เป็นไข้เมื่อ 5 วันก่อน
3.  Sanan has had fever for five days.
     สนั่นได้เป็นไข้เป็นเวลา 5 วันมาแล้ว
Present
Past
Past  Participle
Is   are = เป็น   อยู่
was,  were  =  ได้เป็น    อยู่
been  =  ได้เป็นแล้ว    ได้อยู่แล้ว

                                         4.  Dang has fever. He cannot get up.
                                              แดงเป็นไข้ เขาลุกขึ้นไม่ได้
                                         5.  Keo is ten years old.
                                             เขียวมีอายุ 10 ปี
                                        1.  He is there now .
                                            เขาอยู่ที่นั่นเดี๋ยวนี้ ……….(เดี๋ยวนี้อยู่ เมื่อก่อนไม่ไอยู่)
                                        2.  He was there  five minutes ago.
                                             เขาได้อยู่ที่นั่นเมื่อ 5 นาทีก่อน ………(เมื่อ 5 นาทีก่อนได้อยู่ แต่เดี๋ยวนี้ไม่อยู่)
                                        3.  He has been there for five minutes.
                                            เขาได้อยู่ที่นั่นเป็นเวลา 5 นาทีมาแล้ว (เมื่อ 5 นาทีก่อนอยู่ที่นั่น แต่เดี๋ยวนี้ไม่อยู่)
                                       ข้อ เป็น Present  Tense  เพราะเป็นเรื่องปัจจุบันโดยเฉพาะ
                                       ข้อ
เป็น Past  Tense  เพราะเป็นเรื่องอดีตโดยเฉพาะ
                                       ข้อ
เป็น Present Perfect Tense  เพราะเป็นเรื่องตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน
             การใช้
Present Perfect Tense  จะต้องมี has หรือ have ตัวใดตัวหนึ่งเป็นกริยานุเคราะห์ และต้องใช้กริยาช่องที่สามทุกครั้ง Present Perfect Tense   มีการใช้ 3 อย่างคือ ใช้เกี่ยวกับเวลาตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน ใช้เป็นการกระทำก่อนปัจจุบัน และใช้พูดลอย ๆ โดยไม่แสดงเวลา
                                  ใช้กับเวลาตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน
                                  
he had been my good friend for three years.
                                   เขาได้เป็นเพื่อนที่ดีของผมมาเป็นเวลา 3 ปีมาแล้ว
                                  
has เป็นกริยานุเคราะห์ และ been เป็นกริยาช่องที่ 3
                                   ใช้เกี่ยวกับการกระทำก่อนปัจจุบัน
                                   ฉันฉีกจดหมายฉบับนี้ เพราะว่าฉันได้อ่านแล้ว
                                   
I tear this now.  because I have read it.
                                    (Present  Tense)     (Present Perfect Tense)
                                    have  เป็นกิริยานุเคราะห์ และ read  เป็นกริยาช่องที่ 3 ในทำนองเดียวกัน การกระทำก่อนอดีตต้องเป็นอดีตสมบูรณ์ (Past Perfect Tense  ) เช่น
                                    เขาไม่ได้พูดกับฉัน หลังจากที่เราได้ทะเลาะกันแล้ว
                                    
He did not speak with me, after we had quarreled.
                                        (Past Simple)                  (Past Perfect Tense )
                                    ใช้พูดลอย ๆ
                                   
I have seen his new car.
                                    ฉันได้เห็นรถยนต์คันใหม่ของเขาแล้ว

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น