Neither….nor : ไม่ – ทั้งสอง
ฉันไม่รู้จักสนิท = I do not know Sanit. ฉันไม่รู้จักทั้งสอง =
I do not know Sanong. แต่ถ้าฉันไม่รู้จักทั้งสนิทและสนอง
จะใช้ว่า I do not know Sanit and Sanong.
ไม่ได้ เพราะในประโยคนี้มีประธานหนึ่งตัวคือ I ฉัน และกริยาหนึ่งตัว know รู้จัก
แต่มีกรรมถึงสองตัวคือ Sanit กับ Sanong คำว่า ไม่ใช้ does not ไม่ใช้ does not ไม่ได้ ต้องใช้ neither – nor ซึ่งเป็นคำสันธานแทน
ฉะนั้น ฉันไม่รู้จักทั้งสนิทและสนอง จึงต้องใช้ว่า I know neither Sanit
nor Sanong. ในทำนองเดียวกัน ผมไม่ดื่มทั้งกาแฟและน้ำชา ต้องใช้ว่า I
drink neither coffee nor tea. ไม่ใช่ I do not drink coffee and tea. neither – nor ใช้โดยเฉพาะกับประโยคปฏิเสธ โดยใช้เชื่อมคำนามกับคำนาม กริยากับกริยา
คุณศัพท์กับคุณศัพท์ สรรพนามกับสรรพนาม กริยาวิเศษณ์กับกริยาวิเศษณ์ และวลีกับวลี
เช่น
He likes neither orange nor mango. (เชื่อมคำนามกับคำนาม)
เขาไม่ชอบทั้งส้ม ละมะม่วง
He likes neither orange nor mango. (เชื่อมคำนามกับคำนาม)
เขาไม่ชอบทั้งส้ม ละมะม่วง
This
boy neither reads nor writes now. (เชื่อมกริยากับกริยา)
เด็กคนนี้ทั้งไม่อ่านและไม่เขียนเดี๋ยวนี้
เด็กคนนี้ทั้งไม่อ่านและไม่เขียนเดี๋ยวนี้
Sanit is neither careless nor lazy. (เชื่อมคุณศัพท์กับคุณศัพท์)
สนิททั้งไม่เลินเล่อ และไม่ขี้เกียจ
สนิททั้งไม่เลินเล่อ และไม่ขี้เกียจ
Neither you nor I came here yesterday. (เชื่อมสรรพนามกับสรรพนาม)
ทั้งคุณและผมไม่ได้มาที่นี่วานนี้
ทั้งคุณและผมไม่ได้มาที่นี่วานนี้
He can write neither correctly nor quickly. (เชื่อมกริยาวิเศษณ์กับกริยาวิเศษณ์)
เขาเขียนอย่างถูกต้องและอย่างเร็วไม่ได้
เขาเขียนอย่างถูกต้องและอย่างเร็วไม่ได้
I came here neither by bus nor by train. (เชื่อมวลีกับวลี)
ผมไม่ได้มาที่นี่โดยรถประจำทางและโดยทางรถไฟ
ผมไม่ได้มาที่นี่โดยรถประจำทางและโดยทางรถไฟ
Neither – nor (ไนเด้อ – นอร์)
แปลว่า ไม่ – ทั้งสอง คำที่มีความหมายตรงข้ามกับ neither – nor คือ
both – nor ซึ่งแปลว่า ใช่ – ทั้งสอง เช่น
He is neither my friend nor my relative.
เขาไม่ใช่ทั้งเพื่อนและญาติของผม
He is neither my friend nor my relative.
เขาไม่ใช่ทั้งเพื่อนและญาติของผม
He is both my friend and my relative.
เขาเป็นทั้งเพื่อนและญาติของผม
เขาเป็นทั้งเพื่อนและญาติของผม
That boy is neither lazy nor careless.
เด็กคนนั้นทั้งไม่ขี้เกียจและเลินเล่อ
เด็กคนนั้นทั้งไม่ขี้เกียจและเลินเล่อ
This
boy is both lazy and careless.
เด็กคนนั้นทั้งขี้เกียจและเลินเล่อ
เด็กคนนั้นทั้งขี้เกียจและเลินเล่อ
ถ้าเป็นอย่างเดียวในสองอย่าง
ต้องใช้ either – or เช่น
He
must be either a farmer or a gardener.
เขาต้องเป็นชาวนาหรือไม่ก็ชาวสวน
เขาต้องเป็นชาวนาหรือไม่ก็ชาวสวน
He drank either coffee or tea just now.
เขาไม่ดื่มกาแฟก็น้ำชาเมื่อกี้นี้
neither – nor (ไนเด้อ – นอร์) = ไม่ – ทั้งสอง
both – and (โบ๊ธ – แอนด์) = เป็น – ทั้งสอง
either – or (ไอเด้อ – ออร์) = เป็นอย่างหนึ่งในสองอย่าง
เขาไม่ดื่มกาแฟก็น้ำชาเมื่อกี้นี้
neither – nor (ไนเด้อ – นอร์) = ไม่ – ทั้งสอง
both – and (โบ๊ธ – แอนด์) = เป็น – ทั้งสอง
either – or (ไอเด้อ – ออร์) = เป็นอย่างหนึ่งในสองอย่าง
neither
of them = เขาทั้งสอง ใช้ปฏิเสธ และ both of them = เขาทั้งสอง ใช้ตอบรับ เช่น
Sanit and Saong are lazy boys. Neither of them came to school yesterday.
สนิทและสนองเป็นเด็กขี้เกียจ เขาทั้งทั้งสองไม่ได้มาโรงเรียนเมื่อวานนี้
Sanit and Saong are lazy boys. Neither of them came to school yesterday.
สนิทและสนองเป็นเด็กขี้เกียจ เขาทั้งทั้งสองไม่ได้มาโรงเรียนเมื่อวานนี้
These two boys are diligent boys. Both of them came to
school yesterday.
เด็กสองคนนี้เป็นเด็กขยัน เขาทั้งสองได้มาโรงเรียนเมื่อวานนี้
เด็กสองคนนี้เป็นเด็กขยัน เขาทั้งสองได้มาโรงเรียนเมื่อวานนี้
Do
you likes to eat orange or mango? I like both.
เธอชอบรับประทานส้มหรือมะม่วง? ฉันชอบทั้งสองอย่าง
เธอชอบรับประทานส้มหรือมะม่วง? ฉันชอบทั้งสองอย่าง
Do
you want a pen or a pencil? I want neither.
เธอต้องการปากกาหรือดินสอดำ? ฉันไม่ต้องการทั้งสองอย่าง
เธอต้องการปากกาหรือดินสอดำ? ฉันไม่ต้องการทั้งสองอย่าง
both
แปลว่าทั้งสอง และ neither ก็แปลว่าทั้งสองเช่นกัน
แต่ both ใช้เป็นการตอบรับ และ neither ใช้เป็นการปฏิเสธ
borrow (บอโร่) แปลว่า ขอยืม หมายความว่า เราไม่มีของแต่ผู้อื่นมี
เราไปเอาของมาจากเขา เมื่อใช้กริยา borrow
จำเป็นต้องมี Preposition (บุรพบท) from ตามท้ายด้วย เช่น I borrow this book from him. ฉันขอยืมหนังสือเล่มนี้มาจากเขา
He borrows this book from me. เขาขอยืมหนังสือเล่มนี้มาจากฉัน
Past Tense และ Past Participle ของ borrow
คือ borrowed ทั้งสองตัว
lend (เลนด์) แปลว่า ให้ยืม
หมายความว่า ผู้อื่นไม่มีของแต่เรามี เขามาเอาของจากเรา เช่น I lend him a
book, because he has no book to read. ฉันให้เขายืมหนังสือเล่มหนึ่ง
เพราะ ว่าเขาไม่มีหนังสือจะอ่าน Past Tense และ Past
Participle ของ lend คือ lent ทั้งสองตัว
What do you lend him? No, I lend him nothing.
เธอให้อะไรเขายืม? เปล่า, ฉันไม่ให้อะไรเขายืม
What do you lend him? No, I lend him nothing.
เธอให้อะไรเขายืม? เปล่า, ฉันไม่ให้อะไรเขายืม
What does he lend you? No, he lends me nothing.
เขาให้อะไรเธอยืม? เปล่า, เขาไม่ให้อะไรฉันยืม
เขาให้อะไรเธอยืม? เปล่า, เขาไม่ให้อะไรฉันยืม
What
do you borrow from him?
คุณขอยืมอะไรจากเขา?
คุณขอยืมอะไรจากเขา?
What
does he borrow from you?
เขาขอยืมอะไรจากคุณ?
เขาขอยืมอะไรจากคุณ?
I did not buy this book I borrowed it from the library.
ฉันไม่ได้ซื้อหนังสือเล่มนี้ ฉันได้ขอยืมมันมาจากห้องสมุด
ฉันไม่ได้ซื้อหนังสือเล่มนี้ ฉันได้ขอยืมมันมาจากห้องสมุด
If you have no pencil to write, I shall lend you this one.
ถ้าเธอไม่มีดินสอดำจะเขียน ฉันจะให้เธอยืมแท่งนี้
ถ้าเธอไม่มีดินสอดำจะเขียน ฉันจะให้เธอยืมแท่งนี้
You can borrow nothing from him, because he is not a rich
man.
คุณขอยืมอะไรจากเขาไม่ได้หรอก เพราะว่าเขาไม่ใช่คนรวย
He lends you
nothing, because he does not know you.คุณขอยืมอะไรจากเขาไม่ได้หรอก เพราะว่าเขาไม่ใช่คนรวย
เขาไม่ให้อะไรคุณยืม เพราะว่าเขาไม่รู้จักคุณ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น