วันพุธที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

Beside : ข้าง ๆ, Besides : นอกเหนือจาก

Beside  :  ข้าง ๆ, Besides  :  นอกเหนือจาก
                beside (บีไซด์) ข้าง ๆ และ besides (บีไซ้ซ์) นอกเหนือจาก สองคำนี้เป็นบุรพบท (Preposition) เช่น
                He came here and beside me to watch T.V.
              เขาได้มาที่นี่และได้นั่งข้าง ๆ ฉันเพื่อดูทีวี
                He learns French besides English.
              เขาเรียนภาษาฝรั่งเศสนอกเหนือจากภาษาอังกฤษ
                Who is sitting beside you now ?
               ใครกำลังนั่งข้าง ๆ คุณอยู่เดี๋ยวนี้

                What do you do besides this homework?
               คุณทำอะไรนอกเหนือจากการบ้านนี้?

Each other, One another : กัน

Each other,  One another  :  กัน

            each other (อีซอาเด้อ) และ one another (วันแอนนัทเด้อ) แปลว่า กัน แต่มีวิธีใช้ต่างกัน each other ใช้กับบุคคลเพียง 2 คน หรือสิ่งของเพียง 2 สิ่ง หากมีจำนวนเกินกว่า 2 ขึ้นไป ต้องใช้ one another เช่น These two boys are helping each other. They are friends. เด็ก 2 คนนี้กำลังช่วยเหลือกัน เขาเป็นเพื่อนกัน These three boys love one other  very much.  They are good boys. เด็ก 3 คนนี้รักกันมาก เขาทั้งหลายเป็นเด็กดี

Between, Among : ระหว่าง

Between,  Among  :  ระหว่าง

                between (บีทวีน) และ among (อะมัง) สองคำนี้เป็นบุรพบท (Preposition) แต่มีวิธีใช้ต่างกัน ระหว่าง ที่กล่าวถึงแต่เพียง 2 คน หรือเพียง 2 สิ่งต้องใช้ between หากมีจำนวนเกินกว่า 2 ชิ้นขึ้นไป ต้องใช้ among เช่น I shall divide this cake  between these two boys. (between ระหว่างเด็ก 2 คน) ฉันจะแบ่งขนมเค้กชิ้นนี้ระหว่างเด็ก 2 คนนี้ The rich man will divide his property among his three sons. (among ระหว่างเกิน 2 คนขึ้นไป) ชายผู้ร่ำรวยจะแบ่งทรัพย์สมบัติของเขาระหว่างบุตรชาย 3 คนของเขา

Famous, Notorious : มีชื่อเสียง

Famous,  Notorious  :  มีชื่อเสียง
             Famous (เฟมัส)  และ notorious (นอททอเรี๊ยซ) แปลว่า มีชื่อเสียง แต่มีชื่อเสียงคนละทาง famous มีชื่อเสียงในทางดี แต่ notorious มีชื่อเสียงในทางที่เลว เช่น He is a famous musician.  เขาเป็นนักดนตรีที่มีชื่อเสียง  He is a famous cyclist.  เขาเป็นนักขี่จักรยานที่มีชื่อเสียง ชื่อเสียงที่กล่าวมานี้ล้วนแล้วแต่เป็นชื่อเสียงในทางที่ดี นำประโยชน์ให้แก่ผู้อาน แต่ในทางตรงกันข้าม ถ้าเขามีชื่อเสียงในทางที่เลว จะใช้ famous  ไม่ได้ ต้องใช้ notorious แทน เช่น He is a notorious bandit. เขาเป็นจอมโจรที่มีชื่อเสียง  He is a notorious plunderer. เขาเป็นนักปล้นสะดมที่มีชื่อเสียง

Hear : ได้ยิน , Listen : ฟัง

Hear  :  ได้ยิน , Listen  :  ฟัง
            
hear (เฮีย) ได้ยิน หมายถึง สิ่งหนึ่งสิ่งใดที่มากระทบโสตประสาทของเรา  และสิ่งที่เราได้ยินนั้น เรามีความสนใจ เราจึงจะฟัง ซึ่งภาษาอังกฤษใช้คำ listen เมื่อจะฟังสิ่งหนึ่งสิ่งใดก็ตามต้องมี to อยู่หลัง listen ด้วย เช่น I like that song. I shall listen to it for a while. ฉันชอบเพลงนั้น ฉันจะฟังมันสักพัก

Receive, Accept : รับ

Receive, Accept  :  รับ
            
Receive (รีซีฟ) และ accept (แอ็คเซฟท์) สองตัวนี้เป็นกริยาแปลว่ารับ แต่มีวิธีใช้ต่างกัน receive
เป็นการรับที่ผู้อื่นส่งมาให้เรา เช่น I receive this letter from my friend . it is a friendly letter.  ผมรับจดหมายฉบับนี้จากเพื่อนของผม มันเป็นจดหมายระหว่างเพื่อนฝูง What did you receive just now?  คุณได้รับอะไรเมื่อกี้นี้?  I received a telegram.  ฉันได้รับโทรเลขฉบับหนึ่ง ส่วนการรับที่มีผู้เสนอมาก่อนจึงรับ ต้องใช้ accept เช่น I have accept เช่น I have accepted an invitation from my friend. I must go.   ผมได้รับคำเชิญจากเพื่อนผมแล้ว ผมต้องไป He challenged you just now. Did you accept his challenge?  เขาได้ท้าท่านเมื่อกี้นี้ ท่านได้รับคำท้าของเขาหรือ?

ข้อพึงจำ   accept กับ  receive เป็นสหกรรมกริยา (Transitive verb) ต้องมีกรรมมารับท้ายเสมอ

Refuse, Deny : ปฏิเสธ

Refuse,  Deny :  ปฏิเสธ         

                Refuse (รีฟิวซ์) กับ deny (ดีนาย) สองตัวนี้เป็นกริยา แปลว่าปฏิเสธ แต่เป็นการปฏิเสธคนละแบบ  refuse เป็นการปฏิเสธอย่างปกติธรรมดา แต่ deny เป็นการปฏิเสธเกี่ยวกับข้อเท็จจริง เช่น I asked him to go to Bangsaen with me, but he refused to go. ฉันได้ขอให้เขาไปบางแสนกับฉันแต่เขาปฏิเสธที่จะไป เป็นการปฏิเสธเรื่องธรรมดาให้ใช้ refuse แต่ถ้าการปฏิเสธนั้นเกี่ยวกับข้อเท็จจริงต้องใช้ deny เช่น He is a pickpocket, but he denies that he is. เขาเป็นนักล้วงกระเป๋าแต่เขาปฏิเสธว่าเขาไม่ได้เป็น

Do : ทำ, Work : ทำงาน, finish : ทำเสร็จ

Do  :  ทำ, Work  :  ทำงาน, finish  :  ทำเสร็จ
do   =   ทำ
did   =   ได้ทำ
done   =   ได้ทำแล้ว
work   =   ทำงาน
worked   =   ได้ทำงาน
worked   =   ได้ทำงานแล้ว
finish   =   ทำเสร็จ
finished   =   ได้ทำเสร็จ
fished   =   ได้ทำเสร็จแล้ว
            I do  ผมทำ,  I work  = ผมทำงาน,  I finish  =  ผมทำเสร็จ, Do you do? คุณทำหรือ?    Do you work?  คุณทำงานหรือ?.   Do you finish?  คุณทำเสร็จหรือ?
                I do my homework now.
              ผมทำการบ้านของผมเดี๋ยวนี้
                I shall finish it soon.
              ผมจะทำมันเสร็จในไม่ช้า
              I shall work as long as I live.
              ผมจะทำงาน ตราบใดที่ผมยังมีชีวิตอยู่
                Have you done your homework?
              ท่านได้ทำการบ้านของท่านแล้วหรือ?
                Have you finished your homework?
              ท่านได้ทำการบ้านของท่านเสร็จแล้วหรือ?

                Yes, I have finished it.
              ครับ , ผมได้ทำมันเสร็จแล้ว

Catch, Arrest : จับ

Catch,  Arrest  : จับ  

                catch  (แคช) จับ และ arrest (อาเร้ซท์) ก็จับเช่นกัน catch เป็นการจับอย่างธรรมดา เช่น  I like that butterfly.  I shall catch it. ฉันชอบผีเสื้อตัวนั้น ฉันจะจับมัน He catches fish.  He is a fisherman. เขาจับปลา เขาเป็นชาวประมง ส่วนการจับที่ผู้ถูกจับทำผิดกฎหมายจะต้องใช้คำ arrest ไม่ใช่ catch เช่น The policeman arrested that man, because he is a plunderer. ตำรวจได้จับชายคนนั้นเพราะเขาเป็นพวกปล้น  That businessman was arrested, while he was trying to smuggle gold out of the country.  นักธุรกิจคนนั้น ได้ถูกจับในขณะที่เขากำลังลักลอบนำทองออกนอกประเทศ

Look at : มองดู, Watch : เฝ้าดู

Look at  :  มองดู,  Watch  :  เฝ้าดู     

                การมองดูสิ่งของมีอยู่ 2 ชนิด คือ ดูสิ่งที่เคลื่อนไหวได้กับสิ่งที่เคลื่อนไหวไม่ได้ ถ้ามองดูสิ่งที่เคลื่อนไหวไม่ได้ต้องใช้ look at เช่น I look at that photograph. ฉันมองดูรูปถ่ายนั้น  He looks at his rose tree. เขามองดูต้นกุหลาบของเขา แต่ถ้าสิ่งที่มองดูเคลื่อนไหวได้ เช่น ดูการแข่งม้า การแข่งขัน ฟุตบอล และดูทีวี การดูชนิดนี้ต้องใช้ watch ไม่ใช่ look at เช่น I was watching T.V. ฉันได้กำลังดูทีวี อยู่  I shall go to watch a football match today. ผมจะไปดูการแข่งขันฟุตบอลวันนี้

การใช้ Gerund : กริยานาม

การใช้  Gerund  : กริยานาม
            คำที่ตามหลังบุรพบท (Preposition) จะต้องเป็น Gerund ไม่ใช่ Infinitive
              1.  He worked without stopping.  เขาได้ทำงานโดยปราศจากการหยุด
                   
(without  เป็นบุรพบท และ stopping เป็น Gerund)
                     That lazy boy played instead of leaning.
                   เด็กขี้เกียจคนนั้นได้เล่นแทนการเล่าเรียน
                 
(instead แทนที่ เป็นบุรพบท และ leaning การเล่าเรียนเป็น Gerund)
                2.  Gerund มักจะตามหลังคำเหล่านี้ fond of = ชอบ, insist on =  รบเร้า, tired of = เบื่อ.  succeed in  =  ประสพความสำเร็จใน ……. เช่น
                  
I am tired of doing this work.
                   ฉันเบื่อการทำงานชิ้นนี้
                     Are you fond of hunting?
                   ท่านชอบการล่าสัตว์ไหม?
                     He succeeded in climbing that mountain.
                   เขาได้ประสพความสำเร็จในการได้เขาลูกนั้น
                3.  ใช้ตามหลังกริยาบางตัว เช่น avoid = หลีกเลี่ยง, enjoy = รับความเพลิดเพลิน, finish = ทำเสร็จ, stop = หยุด, risk = เสี่ยง, อันตราย, excuse = ยกโทษ เช่น
                  
He enjoy playing basketball.
                   เขาได้รับความเพลิดเพลินในการเล่นบาสเกตบอล
                     I shall go home as soon as it stops raining.
                  ฉันจะกลับบ้านในทันทีที่ฝนหยุดตก
                     We must avoid doing bad deed.
                   เราต้องหลีกเลี่ยงในการกระทำสิ่งเลว ๆ
                 (คำที่พิมพ์ตัวหนาล้วนเป็น Gerund ทั้งสิ้น)
                  
                4.  ตามหลังคุณศัพท์ busy = งานมาก, worth = คุ้มค่า เช่น
                  
He is busy sending a telegram.
                   เขามีงานมากในการส่งโทรเลข
                      This good book is worth reading.
                    หนังสือดีเล่มนี้คุ้มค่าแก่การอ่าน
                5.  หลังจากวลีบางคำ เช่น It is no use. I can’t help.  Would you mind.  Look forward to. เช่น
                  
I am looking forward to seeing him.
                   ผมคอยโอกาวที่จะพบเขา
                      Would you mind telling me your name?
                    ท่านจะกรุณาบอกชื่อของท่านแก่ผมได้ไหม?
                      I can’t help thinking of him.
                    ฉันอดคิดถึงเขาไม่ได้
                คำ Gerund หรือ Infinitive จะใช้ได้กับกริยาต่อไปนี้ begin = เริ่มต้น, like = ชอบ,  dislike = ไม่ชอบ, hate = เกลียด, love = รัก, prefer = ชอบมากกว่า เช่น
             He began to play chess after his friend had gone.
             เขาได้เริ่มเล่นหมากรุกหลังจากเพื่อนของเขาไปแล้ว
            
[ หรือ He began playing chess after his friend had gone.  ก็ได้เช่นกัน]
ถาม        Participle เป็นอะไร และมีวิธีใช้อย่างไร?
ตอบ      
Participle แปลว่าส่วนของกริยา เป็นคำที่แปลงรูปมาจากกริยา ซึ่งมีส่วนเป็นได้ทั้งกริยาและคุณศัพท์ เช่น
                -  Hearing the noise, the boy woke up. เมื่อได้ยินเสียง, เด็กชายได้ตื่นขึ้น
             ในประโยคนี้
hearing เป็น Participle ทำหน้าที่ประกอบประธาน boy เช่นเดียวกับคุณศัพท์
                Present Participle เป็นกริยาที่ลงท้ายด้วย ing แสดงว่าการกระทำนั้นยังคงกระทำอยู่ต่อไป เช่น
1.              I see a girl carrying a basketball of flowers.
ฉันเห็นเด็กหญิงคนหนึ่งกำลังหิ้วตะกร้าดอก
Past Participle  หมายถึงการกระทำที่กล่าวถึงนั้นได้เสร็จสิ้นลงไปแล้ว เช่น
2.  I have already finished this work.
     ฉันได้ทำงานนี้เสร็จแล้ว
    
(ข้อ 1 carrying เป็น Present Participle ข้อ 2 finished เป็น Past Participle)
Having rested for a while, we continued our journey.  เมื่อได้ผักผ่อนเป็นเวลาสักพักหนึ่ง พวกเราก็ได้เดินทางกันต่อไป (ธรรมชาติของ Participle ทำหน้าที่เหมือนอย่างคุณศัพท์) เช่น
                   
A rolling stone gathers no moss.
                   ก้อนหินที่กลิ้งไปกลิ้งมาไม่มีตะไคร่น้ำจับ
                      A barking dog will bite no one.
                    สุนัขที่เห่ามักจะไม่กัดใคร
                   
(ทั้ง rolling และ barking เป็น Present Participle ทำหน้าที่คุณศัพท์ประกอบคำนาม stone และ dog ตามลำดับ)
ถาม               Cognate Object คือกรรมชนิดใด?
ตอบ               
Cognate (ค้อกเนท) แปลว่าเกี่ยวเนื่องกัน Object แปลว่ากรรม ฉะนั้น Cognate Object จึง
                     แปลว่า กรรมที่เกี่ยวเนื่องกัน เช่น
                   
-  He has fought a good fight.  เขาได้ทำการต่อสู้อย่างดีแล้ว
                      
(คำกริยา fought กับคำนาม fight มีข้อความเกี่ยวเนื่องกัน)

                      - I dreamt a good dream last night.  ฉันได้ฝันดีเมื่อคืนนี้
                     
(คำกริยา dreamt และคำนาม dream ก็มีใจความเกี่ยวเนื่องกัน)
                   ฉะนั้นคำนาม fight กับคำนาม dream จึงเป็น Cognate Object. (กรรมที่เกี่ยวเนื่องกัน)

Gerund & Participle

Gerund  &  Participle
            Gerund  แปลว่า กริยานาม คือคำนามที่แปลงมาจากกริยา เช่น swim ว่ายน้ำ เป็นกริยาเมื่อเติม ing ข้างท้ายก็กลายเป็น swimming ซึ่งเป็น Gerund แปลว่า การว่ายน้ำ ในทำนองเดียวกัน lean = เรียน เป็นกริยา learning = การเล่าเรียน ก็เป็น Gerund เช่นกัน คำที่เติม ing ข้างท้ายกริยา เป็นได้ทั้ง Gerund และ Participle แต่มีข้อสังเกตได้คือ คำที่เติม ing แล้วทำหน้าที่คำนามโดยเฉพาะจะต้องเป็น Gerund ถ้าไม่ได้ทำหน้าที่คำนามก็เป็น Gerund ไม่ได้ ต้องเป็น Participle  เช่น Learning makes a boy clever. การเล่าเรียนทำให้เด็กฉลาด learning ในที่นี้เป็นคำนามเพราะมีคำว่า การ และ เป็นประธานของกริยา makes ฉะนั้นจึงต้องเป็น Gerund หรือ He is learning . เขากำลังเล่าเรียน learning เป็น Participle ซึ่งเป็นส่วนของกริยา เพราะว่ามันเป็นส่วนของกริยา is learning
                Participle มี 2 ชนิด คือ Present Participle กับ Past Participle เมื่อใช้กริยาช่องที่ 1 Present และเติม ing ข้างท้าย ต้องเป็น Present Participle เช่น I am doing my homework.  ฉันกำลังทำการบ้านของฉัน doingเป็น Present Participle และ He has done his homework. เขาได้ทำการบ้านของเขาแล้ว done เป็นกริยาช่องที่ 3 ของ do จึงเป็น Past Participle               



                Gerund  เป็นไปได้ 4 ชนิด คือ                             .
                1.  Subject to a verb  :  เป็นประธานของกริยา
             
     Sleeping is necessary to life
                  การนอนเป็นสิ่งจำเป็นต่อชีวิต
                2.  Object to a verb  :  เป็นกรรมของกริยา
                  
He enjoys sleeping in the open air
                  เขามีความสุขในการนอนในที่กลางแจ้ง
                3.  Complement to a verb  :  เป็นส่วนสมบูรณ์ของกริยา
                  
His constant habit is sleeping
                   นิสัยที่เกือบเป็นประจำของเขาก็คือการนอน
                4.  Object to a preposition  :  เป็นกรรมของบุรพบท
                  
He was fond of sleeping.
                   เขาชอบการนอน
                Participle  เป็นได้ 3 ชนิด คือ
            
1.  Verb  :  กริยา
                   He is reading.  เขากำลังนอน reading เป็น Present Participle
                     I have seen his new house.  ฉันได้เห็นบ้านหลังใหม่ของเขาแล้ว (seen เป็น Past Participle)
                2.  Adjective  :  คุณศัพท์
                  
I shoot a flying bird.  ฉันยิงนกที่กำลังบิน  (flying เป็น Present Participle ทำหน้าที่คุณศัพท์ขยายคำนาม arm)
                3.  Complement  :  ส่วนสมบูรณ์
                  
I saw him coming.  ฉันได้เห็นเขากำลังมา (coming เป็น Present Participle เป็นส่วนสมบูรณ์ของกริยา saw)

                She appeared displeased. หล่อนได้แสดงความไม่พอใจ (displeased เป็น Past Participle. เป็นส่วนสมบูรณ์ของกริยา appeared)

Question Tag : คำถามพ่วงท้าย

Question  Tag  :  คำถามพ่วงท้าย
            You like to read a good book, don’t you?
              ท่านชอบอ่านหนังสือดี ๆ หรือท่านไม่ชอบ?
              คำว่า หรือท่านไม่ชอบ? 
don’t you? เป็น Question Tag
                วิธีถาม  ถ้าประโยคแรกเป็น Present Tense ประโยค Question Tag ที่ถามจะต้องเป็น Present Tense ด้วย จะเป็น Tense อื่นไม่ได้ ถ้าประโยคแรกเป็น Past Tense ประโยคที่ถามจะต้องเป็น Past Tense เช่นกัน หากประโยคแรกเป็นประโยคบอกเล่า ประโยคที่ถามจะต้องถามอย่างปฏิเสธถ้าประโยคแรกเป็นประโยคปฏิเสธ ประโยคที่ถามจะต้องถามอย่างธรรมดา (ต้องตรงกันข้ามเสมอไป) ถ้าประโยคแรกมีกริยาช่วย (Auxiliary Verb) ให้ใช้กริยาช่วยเป็นการถาม ถ้าไม่มีกริยาช่วยให้ใช้ do, does หรืแ did ถาม แต่จะต้องใช้ Tense เดียวกับประโยคแรก ประธานของประโยคคำถามจะต้องเป็นสรรพนามเสมอไปไม่ใช่คำนาม เช่น
             
You can drink this beer now, can’t you? (can’t = cannot)
               คุณดื่มเบียร์นี้ได้เดี๋ยวนี้ หรือคุณดื่มไม่ได้?
                He will come here tomorrow, wan’t he? (won’t = will not)
              เขาจะมาที่นี่พรุ่งนี้  หรือเขาจะไม่มา
                  
               
                You friend did not come here yesterday, did he?
               เพื่อนของคุณไม่ได้มาที่นี่เมื่อวานนี้ หรือว่าเขาได้มา?
                It is a good book, isn’t ? (isn’t  =  is not)
              มันเป็นหนังสือที่ดีเล่มหนึ่ง หรือไม่ใช่?
                She is not a nurse, is she  ?
             
หล่อนไม่ใช่นางพยาบาล หรือว่าหล่อนเป็น ?
                You could recognize him just now. couldn’t you?  (couldn’t  =  could  not)
              เมื่อกี้นี้คุณจำเขาได้ หรือคุณจำไม่ได้?

                You like to breathe fresh air. don’t you?  (don’t  = do not)
              คุณชอบสูดอากาศที่สดชื่น หรือคุณไม่ชอบ?

Relative Pronoun : ประพันธ์สรรพนาม

Relative  Pronoun  :  ประพันธ์สรรพนาม
                1.  Who (ฮู) ผู้ซึ่ง คำนี้ใช้ทำหน้าที่เป็นประธานของประโยค และใช้แทนบุคคลโดยเฉพาะ จะใช้แทนสัตว์หรือสิ่งของไม่ได้ เช่น
              
He is the man who knows us.
               เขาคือผู้ซึ่งรู้จักพวกเรา
                Sanit is not the boy who wrote your name just now.
              สนิทไม่ใช่เด็กผู้ซึ่งได้เขียนชื่อของคุณเมื่อกี้นี้
                2.  Whom (ฮูม) ผู้ซึ่ง คำนี้ใช้ทำหน้าที่กรรมของประโยค และใช้แทนบุคคลโดยเฉพาะจะใช้แทนสัตว์หรือสิ่งของไม่ได้ เช่น
                He is the man whom we know.
              เขาคือคนผู้ซึ่งพวกเรารู้จัก
             He is the man whom I teach.
              เขาไม่ใช่คนผู้ซึ่งผมสอน
                3.  Whose (ฮูซ) ของผู้ซึ่ง เพื่อแสดงเจ้าของ ซึ่งจะเป็นคนหรือสัตว์ก็ได้ เช่น
                That’ is the boy whose father is a carpenter.
              นั่นเป็นเด็กผู้ซึ่งบิดาของเขาเป็นช่างไม้
                This is the gentleman whose name is Seri.
               นี่คือสุภาพบุรุษผู้มีชื่อว่าเสรี
                4.  Which  (วิช) ซึ่ง คำนี้เป็นได้ทั้งประธานและกรรมของประโยค แต่ใช้แทนได้เฉพาะสิ่งของและสัตว์ ใช้แทนบุคคลไม่ได้ เช่น
             
That is the rose which I like.
              นั่นเป็นดอกกุหลาบซึ่งฉันชอบ (Which ในที่นี้เป็นกรรมของกริยา like)
                This is not the dog which bit that boy just now.
               นี่ไม่ใช่สุนัขซึ่งได้กัดเด็กคนนั้นเมื่อกี้นี้ (which ในที่นี้เป็นประธานของกริยา bit ซึ่งแปลว่าได้กัด)

            5.  What (วอท) สิ่งซึ่ง คำนี้แทนสิ่งของโดยเฉพาะ เช่น
             
This is what I want.
              นี่เป็นสิ่งซึ่งฉันต้องการ
                I shall buy what I like in that shop.
              ฉันจะซื้อของซึ่งฉันชอบในร้านนั้น
                6.  Where (แวร์) ที่ซึ่ง คำนี้ใช้แทนสถานที่โดยเฉพาะ เช่น
             
This is the place where I met him the other day.
              นี่เป็นสถานที่ซึ่งผมได้พบเขาเมื่อวันก่อน

                That is the house where he lives.
              นั่นเป็นบ้านที่ซึ่งเขาอาศัยอยู่

Last, Ago : ที่แล้ว, ก่อน

Last, Ago  :  ที่แล้ว, ก่อน
                last (ลาซท) แปลว่า ที่แล้ว และ ago (อะโก) แปลว่า ก่อน last กับ ago นี้ใช้กับ Past Tense (อดีตกาล) เพราะหมายถึงเวลาที่ล่วงมาแล้วแต่มีวิธีใช้ต่างกัน last ใช้เพื่อเจาะจงเวลา แต่ ago ใช้เพื่อแสดงจำนวนเวลา เช่น last Sunday. เมื่อวันอาทิตย์ที่แล้ว last April. เมื่อเดือนเมษายนที่แล้ว five days ago.  เมื่อ 5 วันก่อน three years ago. เมื่อ 3 ปีก่อน เช่น
            
My friend came here last Monday.
             เพื่อนผมได้มาที่นี่เมื่อวันจันทร์ที่แล้ว (เจาะจงเวลา)

                Where did you go five days ago?
              ท่านได้ไปที่ไหนเมื่อ 5 วันก่อน? (แสดงจำนวนเวลา)

Leave : จากไป

Leave  :  จากไป
            leave (ลีฟ) แปลว่า จากไป คำนี้ก็เป็นกริยาเช่นกัน เช่น He will leave us.  Do you know?   เขาจะจากพวกเราไป คุณทราบไหม? He will leave us for Germany.  Do you know?  เมื่อจากไปที่หนึ่งที่ใดต้องมี for นำหน้าเสมอไป เช่น
             
When will you leave us?
               ท่านจะจากพวกเราไปเมื่อไร?

                When will you leave us for England?
               ท่านจะจากพวกเราไปประเทศอังกฤษเมื่อไร?

Wait : รอม คอย

Wait  :  รอม  คอย
            wait (เวทแปลว่า รอ หรือ คอย คำนี้เป็นกริยา เช่น I shall wait here. ฉันจะคอยอยู่ที่นี่ I cannot wait. ฉันคอยไม่ได้ แต่ถ้าจะพูดว่า ฉันจะคอยเขาอยู่ที่นี่ จะต้องพูดว่า I shall wait for him here. ไม่ใช่ I shall wait him here. เมื่อคอยผู้ใดหรือสิ่งหนึ่งสิ่งใดต้องมี for ซึ่งเป็นบุรพบท (Preposition) นำหน้ากรรมเสมอไป เช่น  
            I am waiting for him here, but he does not come.
              ฉันกำลังคอยเขาอยู่ที่นี่  แต่เขาไม่มา
                Who is waiting for him?
              ใครกำลังคอยเขาอยู่ ?

                Whom is he waiting for?
              เขากำลังคอยใคร?