วันอังคารที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2556

หลักการเติม s ที่กริยา

1. ประธานของประโยคเป็นเอกพจน์ (สิ่งเดียว ตัวเดียว อันเดียว)
2. ประธานของประโยคเป็นบุรุษที่ 3
3. ต้องเป็นเรื่องปัจจุบัน
หากไม่ครบหลัก 3 ประการตามที่กล่าวมาแล้วไม่ต้องเติม s ที่กริยา
ประโยคที่เป็นปัจจุบันประธานที่เป็นเอกพจน์ และบุรุษที่ 3 แต่ถ้ามีกริยานุเคราะห์อยู่ในประโยคนั้น กริยาไม่ต้องเติม s เช่น
          He speaks English. (ไม่มีกริยานุเคราะห์)
          เขาพูดภาษาอังกฤษ
          He can speak English. (มีกริยานุเคราะห์ไม่ต้องเติม s ที่กริยา)
          เขาพูดภาษาอังกฤษได้
การเปลี่ยนประโยคที่เป็น Present tense ให้เป็นประโยคคำถาม ให้ดูว่าประธานของประโยค เป็นเอกพจน์หรือเปล่า เป็นบุรุษที่ 3 หรือเปล่า ถ้าเป็นทั้งเอกพจน์และบุรุษที่ 3 และไม่มีกริยานุเคราะห์ในประโยคนั้น ต้องใช้ Does นำหน้าประธาน และกริยาไม่ต้องเติม s เช่น
ประโยคบอกเล่า
ประโยคคำถาม
He comes here.
เขามาที่นี่
Your dog barks at that stranger.
สุนัขของคุณเห่าคนแปลกหน้าคนนั้น
Does he come here?
เขามาที่นี่หรือ?
Does Your dog bark at that stranger?
สุนัขของคุณเห่าคนแปลกหน้าคนนั้นหรือ?
ถ้าประธานของประโยคเป็นเอกพจน์ แต่ไม่ใช่บุรุษที่ 3 หรือเป็นบุรุษที่ 3 แต่ไม่ใช่เอกพจน์ เมื่อจะทำให้เป็นประโยคคำถามใช้ Do นำหน้าประธานของประโยคเช่น 
ประโยคบอกเล่า
ประโยคคำถาม
You like this rose.
คุณชอบดอกกุหลาบดอกนี้
Do you like this rose?
คุณชอบดอกกุหลาบดอกนี้ไหม?
สำหรับประโยคปฏิเสธ ก็คงถือหลักเช่นเดียวกัน คือถ้าประธานของประโยคเป็นทั้งเอกพจน์และบุรุษที่ 3 คำว่า ไม่ ใช้ does not ถ้าเป็นเอกพจน์แต่ไม่ใช่บุรุษที่ 3 หรือ เป็นบุรุษที่ 3 แต่ไม่ใช่เอกพจน์ คำว่า ไม่ ต้องใช้ do not เช่น
         I do not smoke a cigarettes. (I เป็นเอกพจน์แต่ไม่ใช่บุรุษที่ 3 )
         ผมไม่สูบบุหรี่
         They do not smoke a cigarettes. (They เป็นบุรุษที่ 3 แต่ไม่ใช่เอกพจน์)
         เขาทั้งหลายไม่สูบบุหรี่
         My friend does not smoke a cigarettes. (My friend เป็นทั้งเอกพจน์และบุรุษที่ 3)
         เพื่อนของฉันไม่สูบบุหรี่

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น